คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
มีเพื่อนที่เคยเรียนสมัยมัธยมด้วยกัน
รักกันมาก แต่แยกกันตอนเรียนมหา
วิทยาลัย
เพื่อนเรียนจบมา ได้บรรจุรับราชการครู
ได้พบรักกับหนุ่มสวีเดน แรกๆทุกคนค้าน
แต่ในที่สุดเพื่อนตัดสินใจลาออก
แต่งงานและย้ายตามสามีมาอยู่สวีเดน
มาอยู่ที่สวีเดน เพื่อนมาเรียนภาษา และ
เทียบปริญญาครู โดยมาเรียนป.ตรีเพิ่ม
เติมอีก2ปี เพื่อนเทียบปริญญาได้
ได้งานเป็นครูสอนภายใน4ปี มีลูกและ
มีครอบครัวที่ดี
นั่นเป็นแค่ตัวอย่าง ที่ประสบความสำเร็จ
ในชีวิตของคนๆหนึ่ง ชีวิตของแต่
ละคนไม่เหมือนกัน และไม่เท่ากัน
ถ้าใจสู้และมีความเพียร ความสำเร็จมี
แน่ๆค่ะ
รักกันมาก แต่แยกกันตอนเรียนมหา
วิทยาลัย
เพื่อนเรียนจบมา ได้บรรจุรับราชการครู
ได้พบรักกับหนุ่มสวีเดน แรกๆทุกคนค้าน
แต่ในที่สุดเพื่อนตัดสินใจลาออก
แต่งงานและย้ายตามสามีมาอยู่สวีเดน
มาอยู่ที่สวีเดน เพื่อนมาเรียนภาษา และ
เทียบปริญญาครู โดยมาเรียนป.ตรีเพิ่ม
เติมอีก2ปี เพื่อนเทียบปริญญาได้
ได้งานเป็นครูสอนภายใน4ปี มีลูกและ
มีครอบครัวที่ดี
นั่นเป็นแค่ตัวอย่าง ที่ประสบความสำเร็จ
ในชีวิตของคนๆหนึ่ง ชีวิตของแต่
ละคนไม่เหมือนกัน และไม่เท่ากัน
ถ้าใจสู้และมีความเพียร ความสำเร็จมี
แน่ๆค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 24
เตือนคุณตรงนี้นะคะ
สัญญาเลี้ยงดูที่คุณว่า จะทำให้คุณเป็น “ทาส” ค่ะ
ถูกอยู่ที่เขาจะเลี้ยงดูคุณตามสัญญาแต่ในทางกลับกันคำว่า “เลี้ยงดู” มันมีระดับของมัน ยิ่งถ้าเราเป็นฝ่ายพึ่งเขา วันใดความรักจืดจาง เขาเบื่อหน่าย มีใหม่ เขาก็จะเลี้ยงเราแบบซังกะตายทันที ให้ข้าวให้น้ำให้ที่อยู่แต่จะให้อาหารใกล้เสียเหลือๆหรือให้อยู่ห้องใต้หลังคาหนาวๆก็ได้ เขาไม่ได้ผิดสัญญาอะไร และคุณต้องยอมเขาทุกอย่างเพื่อให้เขาเลี้ยงดู เช่นทำงานบ้านทั้งวันทั้งคืน รองมือรองเท้าครอบครัวเขา ไม่มีปากเสียงถ้าเขาจะมีเมียน้อย เขาจะตบตีใช้กำลัง คุณอยากกลับไทยก็กลับไม่ได้ และอื่นๆ น่าจะเคยได้ยินนะคะ
ถามตรงๆว่าคุณรักชายสวีเดนคนนี้ไหม หรือมองเขาเป็นแค่โอกาสทางทรัพยากรของชีวิตเพราะนี่คือเรื่องชีวิตคู่ ไม่ใช่ช่องทางหาเงินใช้หนี้ให้พ่อ ในฐานะคนรักกันเราว่าคุณควรไปแบบมีศักดิ์ศรีค่ะ เราว่าถ้าคุณมีเงินสักก้อน เช่นขายรถหรือขายที่ดินมรดก (คุณว่าคุณมีฐานะแต่ไม่มีเงินสด เราเดาว่าต้องมีสมบัติที่ดินบ้าง) แล้วเอาเงินส่วนนั้นไปตั้งตัวเองที่สวีเดนอย่างมีศักดิ์ศรี เหมือนคนปกติที่จะไปตั้งตัวเขาทำกัน คุณจะได้รับเกียรติจากสามีในฐานะคู่ชีวิตมากกว่าไปทำสัญญาทาสอย่างนั้นนะคะ
มันมีผู้หญิงไทยหลายคนหวังเอาเปรียบชายต่างชาติ ไม่ได้รักเขาแต่จะแต่งกับเขาเพราะมองเป็นช่องทางหาเงิน เรื่องนี้รู้ดีในสังคมโลกจนผู้ชายจากรุ่นต่อรุ่นเขาก็ไม่ได้โง่ เขาก็เอาคืนเหมือนกันคือถ้าจะมาให้เขาเลี้ยงก็ทำงานรับใช้เขา ตามใจเขาเป็นพระราชาในราคาที่เขาจ่ายแสนถูก ถูกกว่าจ้าง maid ที่นั่นมาก เขาก็เอาสิ ไปตัวเปล่าๆไม่มีปากมีเสียงจะไปต่อรองอะไรได้ ก็ขอเตือนตรงนี้ค่ะ
สัญญาเลี้ยงดูที่คุณว่า จะทำให้คุณเป็น “ทาส” ค่ะ
ถูกอยู่ที่เขาจะเลี้ยงดูคุณตามสัญญาแต่ในทางกลับกันคำว่า “เลี้ยงดู” มันมีระดับของมัน ยิ่งถ้าเราเป็นฝ่ายพึ่งเขา วันใดความรักจืดจาง เขาเบื่อหน่าย มีใหม่ เขาก็จะเลี้ยงเราแบบซังกะตายทันที ให้ข้าวให้น้ำให้ที่อยู่แต่จะให้อาหารใกล้เสียเหลือๆหรือให้อยู่ห้องใต้หลังคาหนาวๆก็ได้ เขาไม่ได้ผิดสัญญาอะไร และคุณต้องยอมเขาทุกอย่างเพื่อให้เขาเลี้ยงดู เช่นทำงานบ้านทั้งวันทั้งคืน รองมือรองเท้าครอบครัวเขา ไม่มีปากเสียงถ้าเขาจะมีเมียน้อย เขาจะตบตีใช้กำลัง คุณอยากกลับไทยก็กลับไม่ได้ และอื่นๆ น่าจะเคยได้ยินนะคะ
ถามตรงๆว่าคุณรักชายสวีเดนคนนี้ไหม หรือมองเขาเป็นแค่โอกาสทางทรัพยากรของชีวิตเพราะนี่คือเรื่องชีวิตคู่ ไม่ใช่ช่องทางหาเงินใช้หนี้ให้พ่อ ในฐานะคนรักกันเราว่าคุณควรไปแบบมีศักดิ์ศรีค่ะ เราว่าถ้าคุณมีเงินสักก้อน เช่นขายรถหรือขายที่ดินมรดก (คุณว่าคุณมีฐานะแต่ไม่มีเงินสด เราเดาว่าต้องมีสมบัติที่ดินบ้าง) แล้วเอาเงินส่วนนั้นไปตั้งตัวเองที่สวีเดนอย่างมีศักดิ์ศรี เหมือนคนปกติที่จะไปตั้งตัวเขาทำกัน คุณจะได้รับเกียรติจากสามีในฐานะคู่ชีวิตมากกว่าไปทำสัญญาทาสอย่างนั้นนะคะ
มันมีผู้หญิงไทยหลายคนหวังเอาเปรียบชายต่างชาติ ไม่ได้รักเขาแต่จะแต่งกับเขาเพราะมองเป็นช่องทางหาเงิน เรื่องนี้รู้ดีในสังคมโลกจนผู้ชายจากรุ่นต่อรุ่นเขาก็ไม่ได้โง่ เขาก็เอาคืนเหมือนกันคือถ้าจะมาให้เขาเลี้ยงก็ทำงานรับใช้เขา ตามใจเขาเป็นพระราชาในราคาที่เขาจ่ายแสนถูก ถูกกว่าจ้าง maid ที่นั่นมาก เขาก็เอาสิ ไปตัวเปล่าๆไม่มีปากมีเสียงจะไปต่อรองอะไรได้ ก็ขอเตือนตรงนี้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
เป็นข้าราชการครูที่ไทยหรือลาออกไปอยู่กับสามีที่สวีเดนดีคะ